Category: ข่าวฟุตบอล

รายงาน 30 รายชื่อนักเตะได้เข้าชิงรางวัล บัลลงดอร์ 2018

บัลลงดอร์ 2018

France Football สื่อดังได้ประกาศยืนยันรายชื่อนักเตะ จำนวน 30 รายชื่อที่ได้เข้าชิงรางวัล บัลลงดอร์ 2018 ออกมาเป็นที่เรียบร้อย โดยได้คัดเอาบรรดาแข้งซุปตาร์ชื่อดัง
ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในรอบปีที่ผ่านมาได้ถูกใส่ชื่อเข้าร่วมชิงรางวัลกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ก่อนหน้านี้ ฟร้องซ์ ฟุตบอล ได้ทยอยประกาศรายชื่อออกมาแล้วทีละ 5 คน โดยเรียงตามลำดับตัวอักษร A-Z ซึ่งในบรรดาตัวเต็งไม่ว่าจะเป็น ลูก้า โมดริช หรือ 2 เจ้าของรางวัลนี้ในช่วง 10 ปีหลังอย่าง
ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็ได้ถูกใส่ในรายชื่อเข้าชิงรางวัลในปีด้วยด้วยเช่นกัน

ขณะที่แนวรุกแข้งเด็ดของ ลิเวอร์พูล อย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และโรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นจนพาทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อซีซั่นก่อน
ก็มีชื่อในนักฟุตบอล 30 คนที่เข้าชิงรางวัลในครั้งนี้ด้วย

รายชื่อนักเตะ 30 คนที่ถูกนำเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล บัลลงดอร์ 2018 มีดังนี้:
1. เซร์คิโอ อเกวโร่ : แมนเชสเตอร์ ซิตี้, อาร์เจนติน่า
2. อลิสซอน เบ็คเกอร์ : ลิเวอร์พูล, บราซิล
3. แกเร็ธ เบล : เรอัล มาดริด, เวลส์
4. คาริม เบนเซม่า : เรอัล มาดริด, ฝรั่งเศส
5. เอดินสัน คาวานี่ : เปแอสเช, อุรุกวัย
6. คริสเตียโน่ โรนัลโด้ : ยูเวนตุส, โปรตุเกส
7. ธิโบต์ กูร์ตัวส์ : เรอัล มาดริด, เบลเยี่ยม
8. โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ : ลิเวอร์พูล, บราซิล
9. ดิเอโก้ โกดิน : แอตเลติโก้ มาดริด, อุรุกวัย
10. เควิน เดอ บรอยน์ : แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เบลเยี่ยม
11. อ็องตวน กรีซมันน์ : แอตเลติโก้ มาดริด, ฝรั่งเศส
12. เอเด็น อาซาร์ : เชลซี, เบลเยี่ยม
13. อิสโก้ : เรอัล มาดริด, สเปน
14. แฮร์รี่ เคน : สเปอร์ส, อังกฤษ
15. เอ็นโกโล่ ก็องเต้ : เชลซี, ฝรั่งเศส
16. อูโก้ โยริส : สเปอร์ส, ฝรั่งเศส
17. มาริโอ มานด์ซูคิช : ยูเวนตุส, โครเอเชีย
18. ซาดิโอ มาเน่ : ลิเวอร์พูล, เซเนกัล
19. มาร์เซโล่ : เรอัล มาดริด, บราซิล
20. คิลิย็อง เอ็มบัปเป้ : เปแอสเช, ฝรั่งเศส
21. ลิโอเนล เมสซี่ : บาร์เซโลน่า, อาร์เจนติน่า
22. ลูก้า โมดริช : เรอัล มาดริด, โครเอเชีย
23. เนย์มาร์ : เปแอสเช, บราซิล
24. แยน โอบลัค : แอตเลติโก้ มาดริด, สโลวีเนีย
25. พอล ป๊อกบา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ฝรั่งเศส
26. อิวาน ราคิติช : บาร์เซโลน่า, โครเอเชีย
27. เซร์คิโอ รามอส : เรอัล มาดริด, สเปน
28. โมฮาเหม็ด ซาลาห์ : ลิเวอร์พูล, อียิปต์
29. หลุยส์ ซัวเรซ : บาร์เซโลน่า, อุรุกวัย
30. ราฟาเอล วาราน : เรอัล มาดริด, ฝรั่งเศส

พักเบรคทีมชาติ ก่อนเข้าสู่ช่วงหฤโหด

ช่วงนี้ถือว่าเป็นการพักเบรคทีมชาติสุดท้ายของปี 2016 กันแล้ว จากที่ข่าวที่ออกมามีผู้จัดการทีมในพรีเมียร์ลีคหลายคนเลือกใช้โอกาสนี้พักผ่อนเหมือนกับเป็นเบรคเล็กๆ ทั้งตัวเองและนักเตะที่ไม่ได้ติดทีมชาติกันแล้ว ส่วนตัวมองว่าการทำแบบนี้ถือว่าได้ประโยชน์หลายอย่างเลย แต่ขอคัดมาสัก 3 ข้อดังนี้

พักเบรคเพื่อผ่อนคลายความเครียด

ข้อแรก การพักเบรคนักเตะที่ไม่ได้เตะทีมชาติ ถือว่าเป็นการผ่อนคลายความเครียดสะสมมาตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่นที่เหล่านักเตะต้องตระเวนเตะฟุตบอลไปเรื่อยๆ รวมถึงความกดดันที่เจอในการเล่นเกม การได้ออกไปผ่อนคลายกับครอบครัวสัก 2-3 วันก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงหฤโหดของพรีเมียร์ลีคในเดือนธันวาคม ถือว่าเป็นจิตวิทยาที่ดีทีเดียว

พักเบรคเพื่อผ่อนคลายร่างกาย

ข้อสองจิตใจได้พักแล้ว การปล่อยให้เบรคครั้งนี้ยังเป็นการพักผ่อนทางด้านร่างกายอีกด้วย เพราะนักเตะฟุตบอลอาชีพเป็นอาชีพที่ต้องใช้พละกำลังและร่างกายเป็นอย่างมาก จึงไม่แปลกที่ร่างกายอาจจะทรุดโทรมลงได้ รวมถึงพวกที่มีอาการบาดเจ็บจะได้ใช้โอกาสนี้ในการรักษาอาการบาดเจ็บให้ดีขึ้นด้วย เพื่อจะได้มีร่างกายที่พร้อมจะเจอโปรแกรมสุดโหดช่วงวันบ็อกซิ่งเดย์

พักเบรคเพื่อปรับปรุงแท็คติคของทีม

ข้อสาม การพักเบรคทีมชาติอย่างนี้ ผู้จัดการทีมและทีมงานเบื้องหลังก็จะได้ใช้เวลาการวางแผนอย่างเต็มที่เนื่องจากไม่ได้ซ้อมกับทีมแล้ว แต่ก็ไม่ได้พักต้องเอาเวลาตรงนี้มาใช้ในการวางแผน แก้ปัญหา และปรับแท็คติคก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงโปรแกรมโหดบ็อกซิ่งเดย์ รวมถึงการวางแผนการแก้ไขจุดอ่อนของตัวเองอีกด้วย เพราะช่วงเดือนธันวาคมนี่แหละจะเป็นตัวตัดสินเลยว่า แต่ละทีมจะอยู่ตรงไหนของตารางคะแนน หากไม่ดีจริงอาจหลุดวงโคจรตอนนี้เลยก็เป็นได้

เจาะฟอร์เมชั่นใหม่ของโซลชาร์ จากเกมอุ่นเครื่อง

sbobet
การซ้อมของแต่ละทีมตอนนี้น่าจะเข้าสู่เฟสสุดท้ายของการซ้อมกันแล้ว นั่นก็คือ การซ้อมเพื่อลงสนามจริง แท็คติค ฟอร์เมชั่นของจริง ตอนแรกทีมในพรีเมียร์ลีคต้องการจะขอเตะอุ่นเครื่องก่อนสักหนึ่งเกมเพื่อเตรียมความพร้อม แต่แผนโดนล้มพับไปทำให้พวกเค้าไม่มีทางเลือกต้องใส่เสื้ออุ่นกันเอง 11 vs 11 แมนยูทำไปแล้ว ถือว่าเห็นอะไรค่อนข้างชัดเจนเลย แบ่งออกเป็นทีมสีแดงและสีเหลือง วันนี้เรามาว่ากันเรื่องฟอร์เมชั่นกัน
ทีมสีแดง 451 หรือ 4231
สำหรับสีแดง โซลชาร์ติดตั้งระบบฟอร์เมชั่นด้วย 451 หรือ 4231 จะลงตัวกว่า เป็นแผนหลังสี่ ที่เรามองว่าน่าจะเป็นฟอร์เมชั่นหลักของโซลชาร์ในช่วงที่เหลือของฤดูกาลเลย ตรงนี้ตอนซ้อมกองหลังอาจจะยังไม่ชัวร์เท่าไรว่ามีใครบ้าง แต่ถ้าดูแล้วไม่ผิดน่าจะเป็น ชอว์ แมกไกรว์ +….. และ วานบิสซาก้า ที่เว้นว่างไว้ น่าสนใจเพราะว่าจากการซ้อมยังไม่มีใครลงเล่นคู่อย่าง ลินเดอเลิฟ กับ ไบญี่ ส่วนการซ้อม โฟซูแมนซ่า กับ ตวนเซเบ้ น่าจะยังไม่พร้อมสำหรับการลงตัวจริง ขยับขึ้นมาแผงกองกลาง ตัวรับสองตัว ป็อกบา คู่มาติช อันนี้โอเค แนวรุกสามตัว ถ้าให้เดาน่าจะเป็น มาร์คซิยาล บรูโน่ และ เจมส์มากกว่า ส่วนกองหน้าเป้าน่าจะเป็น แรชฟอร์ด หรือไม่ก็ อิ๊กฮาโล่ สลับกันลง
ทีมสีเหลือง 352
สำหรับฟอร์เมชั่นฝั่งสีเหลือง มาใน 352 กองหลังสาม จากการซ้อม ชอว์ กับ วานบิสซาก้า ได้อยู่ตรงกลางคงเป็น แมกไกรว์ เท่านั้น กองกลาง 5 ตัว เป็นตัวรับสองตัว สูตรนี้ น้องแม็ค กับ เฟร็ดก็ได้ แล้วปล่อยให้ เกมรุกเป็นของ เปร์เรร่า บรูโน่ และ มาต้า ถ้ามาสูตรนี้เลยก็โอเค เน้นความคล่องตัว ชิ่ง 1-2 แล้วหาช่องว่างไปเรื่อย จากนั้นให้บรูโน่ ยิงจากแถวสองหรือจ่ายทะลุช่องให้กับสองกองหน้า ที่หน้าจะเปลี่ยนจากตอนซ้อมเป็น มาร์คซิยาล กับ แรชฟอร์ดมากกว่า สูตรนี้น่าจะมาเจาะเกมแดนกลางขึงพรืดในเกมที่อึดอัดสักหน่อยแล้วใช้ความสามารถเฉพาะตัวเจาะเอา ต้องดูว่า ฟอร์เมชั่นสองอย่างนี้ โซลชาร์จะหยิบมาเล่นตอนไหนบ้าง

วิเคราะห์ผล UCL รอบแบ่งกลุ่ม ใครอยู่ใครรอด

สัปดาห์นี้เกมกลางสัปดาห์อย่าง UCL ถือว่ามีความสำคัญอย่างมากทีเดียว เพราะว่าเป็นนัดตัดสินของหลายๆกลุ่มว่าใครจะอยู่ใครจะไป ใครจะร่วงไปเล่นถ้วยเล็กอย่าง ยูโรป้า ลีค หรือ ใครจะตกรอบกลับบ้านไปเลย วันนี้เรามาวิเคราะห์กันที่กลุ่ม E ที่มีทีมขวัญใจมหาชนอย่าง ลิเวอร์พูลอยู่ว่าเป็นอย่างไร
กลุ่มแห่งความตาย
ก่อนการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มจะเริ่มต้องบอกเลยว่า กลุ่มอี นี้ถือว่าเป็นแห่งความตายทีเดียว ประกอบไปด้วย ลิเวอร์พูลยอดทีมจากพรีเมียร์ลีค นาโปลีทีมแกร่งจากอิตาลี เอฟซีซัลว์บวกจากบุนเดสลีก้า และ เกงค์ สมันน้อยประจำกลุ่ม แน่นอนว่ากลุ่มนี้มีทีมแย่งกันเข้ารอบถึงสามทีมคือ ลิเวอร์พูล, นาโปลี และ เอฟซี ซัลว์บวก
ลุ้นกันจนถึงนัดสุดท้าย
ระหว่างการแข่งขันของกลุ่มนี้ต้องบอกว่าเป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์กัน เกงค์ ทำได้ดีที่สุดแค่เสมอกับนาโปลีในบ้านไป 0-0 นอกจากนั้นก็แจกแต้มให้เค้าหมด ทีมที่ทำผลงานได้ดีก็คือ ซัลว์บวก พวกเค้าชนะสอง เสมอหนึ่งแพ้สามเกม มี 7 คะแนน หากพวกเค้าไม่มาเจอลิเวอร์พูลในเกมสุดท้าย พร้อมเงื่อนไขต้องชนะให้ได้พวกเค้าอาจจะสร้างเซอร์ไพร์สเอาชนะเข้ารอบไปก็ได้ ส่วนนาโปลีเองตอนแรกเหมือนจะดี แต่เหมือนฟอร์มออกทะเลไปจนเกือบเอาตัวไม่รอดโชคดีมาเจอ เกงค์ ในเกมสุดท้ายก็เลยเก็บ 3 แต้มรอดตัวไป
บทสรุปของกลุ่ม อี
สำหรับบทสรุปของกลุ่มนี้ก็เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์เอาไว้ แชมป์กลุ่มคือ ลิเวอร์พูล มาด้วยผลงานชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 1 มีทั้งหมด 13 คะแนน ผ่านเข้ารอบไปแบบหืดนิดๆ ที่สองนาโปลี ชนะ 3 เสมอ 3 มี 12 คะแนน ตามลิเวอร์พูลเข้ารอบไป ที่สามอย่างซัลบวกมี 7 คะแนนด้วยผลงาน ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 3 ต้องตกลงไปเล่นยูโรป้าลีค ส่วน เกงค์ ตกรอบกลับบ้านไปว่ากันใหม่ปีหน้า กลุ่มนี้ต้องบอกเลยว่า ซัลบวก คือทีมที่เป็นตัวแปรสำคัญอย่างแท้จริง หากเล่นได้อย่างมีประสบการณ์มากกว่านี้พวกเค้าอาจจะเบียดนาโปลีเข้ารอบได้เลย น่าเสียดาย