แมนเชสเตอร์ ซิตี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งซีซั่นที่พวกเค้าพุ่งชนความสำเร็จ ได้ตามเป้าหมายแบบที่ทีมอื่นได้แต่ชะเง้อคอรอดูเท่านั้นเอง การได้แชมป์พรีเมียร์ลีค และ แชมป์คาราบาวคัพ กลายเป็นมาตรฐานธรรมดาไปเสียแล้ว (ทั้งที่หากเป็นทีมอื่นต้องมองว่านี่คือความสำเร็จระดับยอดเยี่ยมด้วยซ้ำไป) เรากลับไปย้อนดันบ้าง เหตุการณ์ครั้งสำคัญประจำซีซั่นของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกิดอะไรขึ้นกับพวกเค้าบ้าง

นำเข้า กองหลัง

ทุกซัมเมอร์ ตำแหน่งที่ เป๊ป จะบอกบอร์ดบริหารให้หาใหม่เสมอก็คือ กองหลังตัวกลางหรือเซนเตอร์แบ็ค เนื่องจากสเปคของเป๊ป ดูจะหายากมาก ทั้งความแข็งแกร่งแบบฟุตบอลอังกฤษที่ต้องสามารถทนแรงปะทะได้ต่อเนื่องทั้งบนพื้น และกลางอากาศ การมีความรวดเร็วปราดเปรียว วิ่งขึ้นลงได้ สามารถโอเวอร์แล็ปขึ้นไปโหม่งได้ และที่สำคัญต้องมีเทคนิคที่ดีเหมือนกับนักฟุตบอลสเปนที่สามารถเล่นบอลด้วยเท้า ออกบอลเนียนคมกริบ ซีซั่นนี้เป๊ปนำเข้ามาสองคน หนึ่งคือ นาธาน อาเก้ คนนี้ถือว่าประสบการณ์ดีเล่นเท้าซ้ายที่สื่อคาดการณ์กันว่านำเข้ามาแทนที่ เอเมอริค ลาปอร์ต และอีกคน รูเบน ดิอาส ที่หลายคนมองข้ามไป แต่ปรากฏว่าเป็นรูเบน ดิอาส ที่ฉายแววความแข็งแกร่ง และทำได้ทุกอย่างตามสเปคที่เป๊ปว่ามา นั่นทำให้เจ้าตัวสถาปนาตัวเองกลายเป็นกองหลังที่แข็งแกร่งที่สุดไปแล้ว ยิ่งจับคู่กับ จอห์น สโตนด้วย ยิ่งแข็งแกร่งเข้าปอีก กลายเป็นคนที่คิดว่าจะได้ลงอย่าง ลาปอร์ต กับ อาเก้ นั่งดูไปซะอย่างนั้น

ไม่มีกองหน้า ไม่มีปัญหา

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่น่าเชื่อว่า จุดแข็งของพวกเค้าในซีซั่นก่อนอย่างเรื่องเกมรุก มาซีซั่นนี้กลับกลายเป็นจุดอ่อนซะอย่างนั้น เฆซุส และ กุน ต่างผลัดกันเจ็บและฟอร์มตก นั่นทำให้เป๊ป ไม่มีทางเลือกต้องปรับสไตล์ทีมของตัวเอง มาเป็นระบบไร้กองหน้า ส่งกองหน้ากึ่งปีกลงสลับทำหน้าที่แทน ซึ่งระบบไร้กองหน้าที่หลายทีมมีปัญหา กลับกลายไม่เป็นปัญหาของซิตี้ที่กุนโดกัน, แบร์นาโด ซิลวา , ฟิล โฟเด้น และ ราฮีม สเตอร์ริ่ง ต่าง ผลัดกันขึ้นมายิงเป็นว่าเล่น กลายเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้เราเห็นความสุดยอดของเป๊ป อีกครั้ง

อำลา กุน อเกวโร่

งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา เรารู้กันดี และสุดท้าย กุน อเกวโร่ ดาวยิงที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของทีมมาตลอด สิบปี ก็ต้องถึงเวลาลาจากทีมไปตามวัฏจักร แน่นอนว่าเกมสุดท้ายที่เค้าต้องลาทีมไป แฟนบอลซิตี้ คงน้ำตาซึมกันเลยทีเดียว เพราะนี้คือดาวยิงที่ดีที่สุดตลอดกาลของซิตี้แบบไม่ต้องสงสัยเลย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ในหน้าประวัติศาสตร์ซิตี้ด้วยเหมือนกัน